Sunday, December 14, 2014

Flowchart

flowchart is a graphical representation of decisions and their respective results mapped out in individual shapes that were first developed by Herman Goldstine and John von Neumann in the 1940's. Flowcharts provide a step-by-step diagram for mapping out complex situations, such as programming code or troubleshooting problems with acomputer. The picture to the right shows an image from Microsoft Visio, a popular program used to design and create flowcharts and diagrams.
Below is an example of a basic flowchart created in Visio that gives a good representation of their layout. As can be seen, you have several steps that may be followed systematically to help determine the cause of computer problem. Of course, this is just an example and not the full set of steps required to troubleshootcomputer issues.
Flowchart example

 Sequence


To download this chart, click flowchart_structure_sequence.flo.The flowchart above demonstrates a sequence of steps. The reader would start at the Start shape and follow the arrows from one rectangle to the other, finishing at the End shape.  A sequence is the simplest flowcharting construction. You do each step in order. If your charts are all sequences, then you probably don't need to draw a flowchart. You can type a simple list using your word processor. The power of a flowchart becomes evident when you include decisions and loops.  RFFlow allows you to number your shapes if you wish. Run RFFlow and click on Tools, Number Shapes, and put a check mark in Enable numbers for the entire chart. You can also choose to have a number or not in each individual shape and you can quickly renumber your chart at any time.

Decision

 To download this chart, click flowchart_structure_decision.flo. This structure is called a decision, "If Then.. Else" or a conditional. A question is asked in the decision shape. Depending on the answer the control follows either of two paths. In the chart above, if the temperature is going to be less than freezing (32 degrees Fahrenheit) the tomatoes should be covered. Most RFFlow stencils include the words "Yes" and "No" so you can just drag them onto your chart. "True" and "False" are also included in most of the flowcharting stencils.

Loop


To download this chart, click flowchart_structure_loop.flo.
This structure allows you to repeat a task over and over. The red chart above on the left does the task and repeats doing the task until the condition is true.  The green chart on the right checks the condition first and does the task while the condition is true. It is not important that you remember whether the loop is a "Do While" or "Repeat Until" loop, only that you can check the condition at the start of the loop or at the end. You can also have the conditions reversed and your loop is still a structured design loop. A slight variation of the above is the "For each...do the following" loop shown below.

Flowchart

ความหมายของผังงาน
ผังงาน (Flowchart) คือ รูปภาพ (Image) หรือสัญลักษณ์(Symbol) ที่ใช้เขียนแทนขั้นตอน คำอธิบาย ข้อความ หรือคำพูด ที่ใช้ในอัลกอริทึม (Algorithm) เพราะการนำเสนอขั้นตอนของงานให้เข้าใจตรงกัน ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง ด้วยคำพูด หรือข้อความทำได้ยากกว่า

ผังงานแบ่งได้ 2 ประเภท
1. ผังงานระบบ (System Flowchart)
คือ ผังงานที่แสดงขั้นตอนการทำงานในระบบอย่าง
กว้าง ๆ แต่ไม่เจาะลงในระบบงานย่อย
2. ผังงานโปรแกรม (Program Flowchart)
คือ ผังงานที่แสดงถึงขั้นตอนในการทำงานของโปรแกรม ตั้งแต่รับข้อมูล คำนวณ จนถึงแสดงผลลัพธ์
+ สนับสนุนการสอนเขียนโปรแกรม
การโปรแกรมแบบมีโครงสร้าง หรือ การโปรแกรมโครงสร้าง ประกอบด้วยอะไรบ้าง
ผมขอตอบอย่างสั้น ๆ ว่าทุกภาษาต้องมีหลักการ 3 อย่างนี้คือ การทำงานแบบตามลำดับ(Sequence) การเลือกกระทำตามเงื่อนไข(Decision) และ การทำซ้ำ(Loop) แม้ตำราหลาย ๆ เล่มจะบอกว่า decision แยกเป็น if กับ case หรือ loop นั้นยังแยกเป็น while และ until ซึ่งแตกต่างกัน แต่ผมก็ยังนับว่าการเขียนโปรแกรม แบบมีโครงสร้างนั้น มองให้ออกแค่ 3 อย่างก็พอแล้ว และหลายท่านอาจเถียงผมว่าบางภาษาไม่จำเป็นต้องใช้ Structure Programming แต่เท่าที่ผมศึกษามา ยังไม่มีภาษาใด เลิกใช้หลักการทั้ง 3 นี้อย่างสิ้นเชิง เช่น MS Access ที่หลายคนบอกว่าง่าย ซึ่งก็อาจจะง่ายจริง ถ้าจะศึกษาเพื่อสั่งให้ทำงานตาม wizard หรือตามที่เขาออกแบบมาให้ใช้ แต่ถ้าจะนำมาใช้งานจริง ตามความต้องการของผู้ใช้แล้ว ต้องใช้ประสบการณ์ในการเขียน Structure Programming เพื่อสร้าง Module สำหรับควบคุม Object ทั้งหมดให้ทำงานประสานกัน
1. การทำงานแบบตามลำดับ
(Sequence)
รูปแบบการเขียนโปรแกรมที่ง่ายที่สุดคือ เขียนให้ทำงานจากบนลงล่าง เขียนคำสั่งเป็นบรรทัด และทำทีละบรรทัดจากบรรทัดบนสุดลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุด สมมติให้มีการทำงาน 3 กระบวนการคือ อ่านข้อมูล คำนวณ และพิมพ์
2. การเลือกกระทำตามเงื่อนไข
(Decision or Selection)
การตัดสินใจ หรือเลือกเงื่อนไขคือ เขียนโปรแกรมเพื่อนำค่าไปเลือกกระทำ โดยปกติจะมีเหตุการณ์ให้ทำ 2 กระบวนการ คือเงื่อนไขเป็นจริงจะกระทำกระบวนการหนึ่ง และเป็นเท็จจะกระทำอีกกระบวนการหนึ่ง แต่ถ้าซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้เงื่อนไขหลายชั้น เช่นการตัดเกรดนักศึกษา เป็นต้น ตัวอย่างผังงานนี้ จะแสดงผลการเลือกอย่างง่าย เพื่อกระทำกระบวนการเพียงกระบวนการเดียว
3. การทำซ้ำ
(Repeation or Loop)
การทำกระบวนการหนึ่งหลายครั้ง โดยมีเงื่อนไขในการควบคุม หมายถึงการทำซ้ำเป็นหลักการที่ทำความเข้าใจได้ยากกว่า 2 รูปแบบแรก เพราะการเขียนโปรแกรมแต่ละภาษา จะไม่แสดงภาพอย่างชัดเจนเหมือนการเขียนผังงาน ผู้เขียนโปรแกรมต้องจินตนาการด้วยตนเอง 















Sunday, November 30, 2014

Personal Information

Name: Peerapat Chotchaiwiwongkul
Age: 14
Address: 51/39 Sintavee garden 3 Soi Thakam 7 Rama2 raod samdum Bangkuntirn Bkk 10150
Birthday: 21 November 2000
Hobbies: Play Guitar
I am a student at assumption college. I like to play guitar .I like Fish.


Thursday, November 27, 2014

Personal Information

Name: Peerapat Chotchaiwiwongkul
Age: 14
Address: 51/39 Sintavee garden 3 Soi Thakam 7 Rama2 raod samdum Bangkuntirn Bkk 10150
Birthday: 21 November 2000
Hobbies: Play Guitar
I am a student at assumption college. I like to play guitar .I like Fish.